ประกาศ
หน้าร้านได้ปิดตัวลงตั้งแต่ช่วงCOVID
ใช้บริการออนไลน์ไปก่อนนะครับ
มีคำถามเข้าไปแชทได้ที่Facebook Fanpage

โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-18 08:06 | เข้าชม : 3
ความเรียบของผิวสัมผัส: จุดเล็กที่ส่งผลใหญ่ต่อสัญญาณ

ในโลกของระบบเสียง วงจรสัญญาณ และการออกแบบขั้วต่อ จุดหนึ่งที่ถูกมองข้ามบ่อยที่สุดคือ “ความเรียบของผิวสัมผัส” (surface flatness & smoothness)

หลายคนทุ่มเงินกับวัสดุ OCC, การชุบทอง, หัวแจ๊คเงาวับ แต่ลืมไปว่า

ถ้าผิวไม่เรียบ → สัมผัสไม่เต็ม → เสียงหาย รายละเอียดตก แม้โลหะจะดีแค่ไหน


บทความนี้คือการเปิดหัวข้อ “พื้นผิว” แบบไม่มีอ้อม ไม่มโน และลงรายละเอียดแบบวิศวกรรมจริงจัง



ผิวสัมผัสที่ไม่เรียบ = ปัญหาที่คุณได้ยิน แต่ไม่เคยรู้ว่ามาจากไหน


แม้โลหะสองชิ้นจะดูแนบกันจากสายตา แต่จริง ๆ แล้ว

จุดสัมผัสจริงมีแค่ยอดของผิวขรุขระ (asperities) เท่านั้น

ยิ่งผิวไม่เรียบ → ยิ่งมีช่องว่างอากาศ → กระแสไหลผ่านได้น้อย


ผลคือ:

 • สัญญาณ drop บางย่าน

 • ความต้านทานเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (micro-ar ...

โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-18 08:05 | เข้าชม : 3
สายภายในแอมป์ต้องใหญ่เท่าสายสัญญาณหรือไม่? – ความเข้าใจผิดที่ควรเคลียร์ให้จบ

มีคำถามยอดฮิตในกลุ่ม DIY และคนเล่นเครื่องเสียงระดับจริงจังว่า

“สายไฟภายในเครื่องแอมป์ต้องใช้เส้นใหญ่ ๆ เท่าสายสัญญาณไหม? ไม่งั้นจะคอขวดหรือเปล่า?”


ฟังดูสมเหตุสมผลในแวบแรก แต่ถ้ามองให้ลึกขึ้นจะพบว่า —

เป็นความเข้าใจผิดที่อาจพาไปใช้วัสดุผิดหลักการโดยไม่จำเป็น


สายใหญ่ = ดีจริงหรือ?

ไม่เสมอไป

เพราะ “สายสัญญาณ” และ “สายไฟภายในเครื่อง” มีหน้าที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง


สายสัญญาณ เช่น RCA, XLR หรือ USB ใช้ส่งสัญญาณแรงดันต่ำที่ละเอียดอ่อน กระแสต่ำมาก

สิ่งสำคัญคือการควบคุมสัญญาณรบกวน, ความต้านทาน และอิมพีแดนซ์ให้แม่นยำ


สายภายในเครื่องแอมป์ ทำหน้าที่ส่งกระแสไฟไปเลี้ยงวงจรต่าง ๆ เช่นภาคจ่ายไฟ ภาคขยาย หรือภาคควบคุม

ไม่ต้องแม่นยำแบบสายสัญญาณ แต่ต้อง ไม่ร้อน ไม่ตกคร่อมแรงดัน และไม่บีบกระแส


...

โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-18 08:03 | เข้าชม : 3
เข้าใจสาย Coax จริง ๆ: จากโครงสร้างภายใน สู่หัว BNC ที่ใช่สำหรับเสียง

ถ้าคุณเคยสงสัยว่าสาย Coaxial ที่ใช้ส่งเสียงดิจิทัลอย่าง S/PDIF มันควรจะหน้าตาแบบไหน โครงสร้างภายในเป็นอย่างไร หรือทำไมบางสายถึง “ส่งได้” แต่เสียงกลับดูขุ่นหรือหลุดจังหวะ — บทความนี้จะพาไล่ดูตั้งแต่แกนทองแดงยันปลายหัว BNC ว่าสายดีจริงควรเป็นอย่างไร


สาย Coax คืออะไร?

สาย Coaxial คือสายส่งสัญญาณที่มีแกนทองแดงอยู่ตรงกลาง หุ้มด้วยฉนวน แล้วล้อมรอบด้วยชีลด์ (foil หรือ braid) อีกรอบ จุดสำคัญไม่ใช่แค่ใช้ทองแดงดีหรือถักแน่น แต่คือการควบคุม ความต้านทานจำเพาะ (Characteristic Impedance) ให้คงที่ไปตลอดสาย เพื่อไม่ให้สัญญาณสะท้อนกลับตอนส่งถึงปลายทาง


แล้ว “75 โอห์ม” คืออะไร และวัดอย่างไร?

75 โอห์มในที่นี้ ไม่ใช่ความต้านทานไฟฟ้าแบบโอห์มที่เราวัดด้วยมัลติมิเตอร์

แต่มันคือ “ความต้านทานจำเพาะ” หรือ Z₀ ของสาย ซึ่งเป็น Impedance ที่วัดในย่านความถี่สูง (RF)< ...

โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:27 | เข้าชม : 3
“แค่ฉนวนหุ้มสาย…ก็เปลี่ยนเสียงได้”

ชนิดของโพลิเมอร์หุ้มสายมีผลต่อเสียงอย่างไร?ใครที่คิดว่าแค่หุ้มสายอะไรก็ได้เหมือนกันหมด — อาจยังไม่เคยลองฟังจริงเพราะวัสดุหุ้มสาย (Polymer Sheath) ไม่ได้แค่ปกป้องสาย แต่มันเปลี่ยน “เสียง” และ “อารมณ์” ของระบบได้โดยตรง⸻วัสดุหุ้มสายแต่ละชนิดให้เสียงไม่เหมือนกัน:1. PVC (Polyvinyl Chloride) • เสียง: ทึบ แน่น แต่ไม่โปร่ง รายละเอียดอั้น • ข้อดี: ราคาถูก ดัดง่าย ใช้งานทั่วไปได้ดี • เหมาะกับ: ระบบที่ต้องการโทนหนัก มืด ไม่แหลมเกินไป2. PE (Polyethylene) • เสียง: เปิด ใส คม รายละเอียดดี • ข้อดี: คุมเสียงดี น้ำหนักเบา ต้าน EMI พอใช้ได้ • เหมาะกับ: หูฟัง in-ear หรือระบบความไวสูง3. PTFE / Teflon • เสียง: โปร่ง สะอาด รายละเอียดสูงสุด • ข้อดี: ทนความร้อนสูง เสถียรทางไฟฟ้ายอดเยี่ยม • เหมาะกับ: ระบบความละเอียดสูงที่เน้นความโปร่งสุดขีด4. FEP (Fluorinated Ethylene Propylene) • เสียง: คล้าย PTFE แต่นุ่มกว่า ...

โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:26 | เข้าชม : 8
“กาวไม่ได้มีแค่สูตรเดียว—ยึดวัสดุไม่ถูกเบอร์ ติดแน่นตอนแรก หลุดตอนจบ” ในการประกอบหูฟัง ไม่ว่าจะเป็นฝาปิด housing, แกนแจ็ค, faceplate หรือการซ่อมสาย หลายคนยังเข้าใจผิดว่า“กาวตราช้าง” คือคำตอบทุกอย่าง ทั้งที่จริงมัน “แห้งไวแต่เปราะ”, ไม่เหมาะกับพลาสติกหลายชนิด และยิ่งไม่ควรใช้กับไม้หรือโลหะผิวบางหากคุณต้องการ “งานแน่น เสียงนิ่ง ไม่พังหลัง 3 เดือน”คุณต้องเริ่มจากการเลือก “กาวให้ถูกสูตร และถูกเบอร์” ตามวัสดุที่ต้องติด⸻1. พลาสติกกับโลหะ (เช่น POM กับอลูมิเนียม) • Loctite 454: กาว CA แบบเจล เหมาะกับงานเฉพาะจุด ไม่ซึม ไม่เปราะง่าย • 3M Scotch-Weld DP100: กาว Epoxy 2 ส่วน ทนแรงเฉือนสูง ใช้กับงานถาวร • Devcon Plastic Steel Epoxy: สำหรับงานยึดโลหะโดยเฉพาะ เน้นความแข็งแรงและทนแรงกด⸻2. พลาสติกกับพลาสติกต่างชนิดกัน (เช่น ABS กับ PC หรือ TPU) • Loctite 406 + Primer 770: กาว CA สูตรพิเศษ + ไพรเมอร์ ใช้กับพลาสติกที่ติดยาก เช่น PE, PP • 3M DP8010 Blue: กาวอะคริลิคเชิงโครงสร้ ...
โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:26 | เข้าชม : 8
“แผ่นยางรองเครื่อง ไม่ใช่แค่ยาง แต่คือระบบสนาม” ในระบบเครื่องเสียง หลายคนยังเข้าใจผิดว่าแผ่นยางสีดำที่วางอยู่ใต้เครื่องเป็นแค่ “วัสดุกันลื่น” หรือ “ยางธรรมดา”แต่ความจริงคือ มันคือ ยางนำไฟฟ้า (Conductive Rubber)วัสดุเฉพาะที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI), ระบายไฟหลง, เชื่อมกราวด์ และลด noise floor อย่างเป็นระบบ⸻ยางนำไฟฟ้าคืออะไร?เป็นยางที่ผสมผงคาร์บอน, กราไฟต์ หรืออนุภาคโลหะ ทำให้มีความต้านทานไฟฟ้าต่ำเมื่อวางให้สัมผัสกับโครงเครื่องหรือชั้นนำไฟฟ้าอื่น ๆ จะเกิดเส้นทางกระแสอ่อน ๆ ที่ช่วย ดูด EMI ลงกราวด์, ปรับศักย์สนามให้สมดุล และลดผลสะสมของไฟฟ้าสถิต⸻หน้าที่หลักในการใช้งานเครื่องเสียง 1. ดูดซับ EMI ที่ค้างอยู่ในโครงเครื่องหรือฝาครอบ 2. เชื่อมศักย์สนามไฟฟ้าระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องใช้สายกราวด์เพิ่ม 3. ทำงานร่วมกับชั้นวัสดุนำไฟฟ้า เช่น ทองแดงหรือกราไฟต์ เพื่อควบคุมสนามรอบเครื่อง⸻ยางธรรมดา vs ยางนำไฟฟ้ายางธรรมดา • ไม่นำไฟฟ้า • กั ...
โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:25 | เข้าชม : 3
“ต่อวอยซ์คอยล์… ซ่อมหรือทำลาย?” ในช่วงหลังเริ่มเห็นบางคนพยายาม “ซ่อม” หูฟังเอียร์บัด (Earbuds) โดยการต่อสาย voice coil ด้วยมือ หวังให้เสียงกลับมาโดยเฉพาะไดร์เวอร์ขนาด 15 มม. ที่ขดลวดภายในบางเพียงไม่กี่ไมครอนแต่แทนที่ผลลัพธ์จะเป็น “เสียงกลับมา” สิ่งที่ได้กลับกลายเป็น… ความเพี้ยน หรือ เสียงที่ไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย⸻ทำไม voice coil ถึงไม่ใช่สิ่งที่ควรซ่อม? 1. มันคือขดลวดระดับไมโครเมตร– เส้นบางกว่าผม 3–5 เท่า– พันบน diaphragm ด้วยความแม่นยำระดับเครื่อง CNC– แรงดึง-แรงถ่วง-ตำแหน่งกระทบแม่เหล็กถูกคำนวณมาอย่างละเอียด 2. จุดเชื่อม = จุดตาย– การต่อสายด้วยมือมักมีความต้านทานสูงกว่าจุดเดิม– ความไม่สมดุลจะทำให้แรงผลักในช่องสนามแม่เหล็กเพี้ยน– เสียงเบี้ยว, เวทีผิด, ความเพี้ยน THD สูงขึ้นแบบถาวร 3. แม้แต่แบรนด์ระดับโลกยัง “ไม่ซ่อม” voice coil– ผู้ผลิตส่วนใหญ่เปลี่ยนทั้ง diaphragm หรือ driver– ไม่มีใคร “เชื่อมสาย” แล้วกลับมาเหมือนเ ...
โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:24 | เข้าชม : 5
“แอมป์เก่า = เสียงดี?” บางทีที่มันถูก… ก็เพราะมันหมดอายุแล้วนั่นแหละ**วงการเครื่องเสียงมักมีแนวคิดแบบโรแมนติกอยู่เสมอโดยเฉพาะกับคำว่า “ของวินเทจ” หรือ “รุ่นเก่าเสียงดี”หลายคนตามหาแอมป์หลอดเก่า, แอมป์ญี่ปุ่นยุค 80s, หรือ DAC ชิปโบราณหวังว่าจะได้ “เสียงที่หาไม่ได้อีกแล้ว”แต่สิ่งที่คนจำนวนมากไม่กล้าพูดคือ:ของเหล่านี้… แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ในสภาพเดิมเลย⸻แอมป์ที่อายุเกิน 20 ปีขึ้นไปถ้ายังไม่เคยถูกโอเวอร์ฮอลล์จริงจังสิ่งที่อยู่ข้างในมัน “เสื่อม” ไปมากกว่าที่คุณคิด: • คาปาซิเตอร์แห้ง ค่าเพี้ยนจนวงจรเปลี่ยน • ตัวต้านทาน drift ค่า ทำ gain/output เพี้ยน • ขั้วต่อออกซิไดซ์ ทำให้ ground ไม่นิ่ง • บอร์ดลอก, ฟอยล์หลุด, บัดกรีแตกร้าวแบบที่ไม่เห็นด้วยตา • วัสดุ damping ด้านใน (ถ้ามี) กลายสภาพเป็นฝุ่น • เสียงที่ได้… อาจไม่ใช่ “character ดั้งเดิม” แต่เป็น “เสียงจากความเสื่อม”และที่น่ากลัวคือเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันเสื่อมไปแค่ไหน จ ...
โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:23 | เข้าชม : 8
“หม้อแปลงไม่ใช่แค่เหล็กพันลวด แต่คือหัวใจของเสียงหลอด” จะ EI, Toroid หรือ C-Core ต่างก็มีบุคลิกเป็นของตัวเอง เหมือนเครื่องดนตรีที่เลือกคาแรคเตอร์ให้เพลงถ้าเลือกผิด เสียงจะพังตั้งแต่ต้นสายถ้าเลือกถูก มันจะหายไปจากระบบ — เหลือไว้แต่ดนตรีล้วน ๆ1. EI Core — เสียงอิ่ม ฟังง่าย เหมาะกับเพลงมีจังหวะถ้าคุณชอบเสียงแนววินเทจ หรือฟังเพลงร้อง เพลงบรรเลงที่มีจังหวะหนักแน่น EI คือหม้อแปลงที่ “ให้ฟีล” ดีมาก เนื้อเสียงหนา เสียงกลางมีแรงดัน เสียงเบสชัดเป็นลูก ๆ ไม่พร่ามัว • ฟังแล้วรู้สึกว่าแอมป์มีแรงขับมากขึ้นกว่าความจริง เบสมาหนักหน่วงแม้ลำโพงไม่ตอบสนองดี • เสียงอาจจะไม่โปร่งมากนัก แต่ไม่แห้ง • จุดแข็งคือ “พลัง” และ “อารมณ์” โดยเฉพาะกับแนว rock, jazz, ลูกทุ่ง, vocal แบบโหน ๆ • ข้อเสียคือ ถ้าระบบละเอียดมาก ๆ อาจเริ่มรู้สึกว่ามีฉากหลังกวน หรือเสียงฟุ้งเล็กน้อยผู้ใช้สายวินเทจ มักบอกว่า: “EI คือความเป็นหลอดแบบที่มันควรจะเป็น”⸻2. Toroidal Core — สะอาด โปร่ง แต่แห้ง ...
โดย : admin | เมื่อ : 2025-06-13 08:22 | เข้าชม : 3
Jitter คืออะไร และเราจะลดมันได้อย่างไร? หลายคนที่เริ่มสนใจระบบเสียงดิจิตอล คงเคยเจอคำว่า “jitter”ไม่ว่าจะในรีวิว DAC, สาย USB, หรือเครื่องเล่นระดับสูง — แต่คำนี้มักถูกพูดถึงแบบคลุมเครือ ฟังดูเท่แต่ไม่ค่อยมีใครอธิบายให้เข้าใจชัด⸻Jitter คืออะไร?ในระบบเสียงดิจิตอล ข้อมูลเสียงถูกส่งเป็น “ตัวเลข” ออกมาตามจังหวะเวลา (clock) ที่แม่นยำJitter คือ ความคลาดเคลื่อนของจังหวะเวลานั้นพูดง่าย ๆ คือ signal มาเร็วไปบ้าง ช้าไปบ้าง ไม่เท่ากันทุกครั้งเช่น สัญญาณควรจะมาทุก 1/44100 วินาที (สำหรับ 44.1 kHz)แต่จริง ๆ แล้วอาจมาผิดจังหวะนิดหน่อย — แค่นั้นก็ก่อผลแล้ว⸻Jitter ส่งผลต่อเสียงยังไง?แม้ข้อมูลจะถูกส่งครบ แต่ถ้าจังหวะมัน “ไม่เท่ากัน” เวลาแปลงกลับเป็นเสียงจะเพี้ยนเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัวผลที่เกิดขึ้นจริง: • เสียงแข็ง แห้ง • เวทีเสียงบวมหรือยุบ • ปลายเสียงจาง รายละเอียดหาย • ฟังนาน ๆ แล้ว “เหนื่อย” ทั้งที่โทนเสียงไม่ได้จัด⸻Jitter วัดยังไง?วัดเป็นหน่วยเวลา ...